ใครที่กำลังทำธุรกิจ หรือลงทุนในธุรกิจใดอยู่ เคยสงสัยหรือไม่ว่าสินค้าของคุณทำไมถึงยังขายได้ไม่ตามเป้า ทั้งที่เริ่มต้นทำก่อนใคร แต่ทำไมแบรนด์หรือธุรกิจของคุณกลับยังไม่เปรี้ยงปังอย่างที่คิดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้า แต่มันอาจมีผลจาก Business Model ของคุณเองก็เป็นได้
โมเดลธุรกิจ หรือ Business Model คือแผนหรือกลยุทธ์บางอย่างที่ช่วยสร้างรายได้และให้ผลกำไรได้ตามเป้าหมาย ซึ่งก็คือการวางแผน นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยผ่านการวิเคราะห์ปัญหา กำหนดกลุ่มเป้าหมายและวิธีการที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินค้าจนสามารถขายได้ ซึ่งโมเดลธุรกิจนั้นยังรวมถึงการคำนวณต้นทุน รายได้ และกำไร หรือพูดง่าย ๆ ก็คือต้นแบบในการดำเนินกิจการในองค์กรหรือบริษัทนั่นเอง
อย่างที่ได้กล่าวมาตอนต้นว่าสินค้าดี ทำก่อน แต่ทำไมถึงยังไม่ได้ยอดขายตามเป้า นั่นก็เพราะโมเดลธุรกิจขององค์กรหรือบริษัทอาจยังไม่ชัดพอ หรือยังออกแบบมาได้ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะ Business Model ที่ดีจะช่วยให้เกิดการทำงานที่ช่วยสร้างรายได้เข้าองค์กร ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีการซื้อซ้ำ สามารถวิเคราะห์คู่แข่ง สร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อกุมความได้เปรียบสำหรับการแข่งขันในท้องตลาดได้ และที่สำคัญคือช่วยจัดการต้นทุน คาดการณ์รายได้เพื่อจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
ถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มที่จะย้อนกลับไปมองโมเดลธุรกิจของตัวเองกันบ้างแล้วว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน หรือมีด้านไหนที่ยังต้องแก้ไขบ้าง ซึ่งหากจะให้บอกว่าโมเดลธุรกิจแบบไหนถึงจะน่าสนใจ ประเด็นอาจจะต้องมองว่าธุรกิจของคุณคืออะไร และกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร แล้วค่อยวิเคราะห์ดูว่าจุดไหนในโมเดลของคุณขาดหายไปบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้เราขอยก Business Model จากองค์กรระดับโลกที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Walmart มาแนะนำกัน
อย่างที่ทราบกันดีว่า Walmart คือหนึ่งในร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ในอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก ที่แม้ว่าช่วงหนึ่งเขาจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการจำหน่ายสินค้าในครัวเรือนด้วยราคาถูกที่สุดได้จนหลาย ๆ คนยกให้เป็นต้นแบบของโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ กระทั่งการมาของธุรกิจ E-Commerce ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน หลายคนเริ่มซื้อของออนไลน์ที่ได้ทั้งราคาถูกและสะดวกด้วยการไม่ต้องเดินทาง ซึ่งแน่นอนว่าช่วงแรก Walmart เองก็เริ่มมียอดขายที่ลดลง
เมื่อ Walmart ได้กลับมาทบทวนถึงโมเดลธุรกิจ และทำให้เกิดการ Reinventing โมเดล หรือ พลิกโฉม Business Model ขึ้น ซึ่งจุดแข็งของพวกเขาก็คือการเป็นร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีการสต๊อกสินค้าหลักล้านชิ้น ทำให้ Walmart แตกยอดธุรกิจตัวใหม่ออกมาคือ Fulfillment Services ซึ่งก็เป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยจัดการเรื่องสต๊อกและจัดส่งสินค้าจำนวนมากให้กับเหล่าร้านค้าออนไลน์สามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เป็นโมเดลธุรกิจที่ win-win กันทั้งสองฝ่าย ซึ่งดูแล้วทาง Walmart น่าจะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ไปแบบเต็ม ๆ เลยทีเดียว
จากโมเดลธุรกิจตัวอย่างของ Walmart ที่เราบอกเล่ากันไป จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์และจุดอ่อนจุดแข็ง และมองหาโอกาสใหม่ ๆ จาก Business Model เดิมที่มีอยู่เป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว ซึ่งนี่เองที่ทำให้การ Reinventing โมเดล มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสร้างผลกำไรให้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ก่อนที่จะไปทำการ Reinventing โมเดล ก็ต้องทำความเข้าใจกับรูปแบบของโมเดลธุรกิจกันก่อน ซึ่งรูปแบบของโมเดลธุรกิจนั้นมีอยู่ 6 รูปแบบด้วยกัน คือ
โมเดลธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าหลักไม่กี่ชิ้น แต่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการขายสินค้าที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสินค้าที่สอดคล้องกับการใช้งานสินค้าหลัก และสามารถขายได้ในระยะยาวเกิดการซื้อซ้ำ โดยมีปริมาณยอดขายที่เทียบเท่าได้กับการขายสินค้าชิ้นหลัก
เป็นการขายสินค้าที่มีลูกค้าจากหลายกลุ่มมารวมกัน จนเกิดเป็นการพึ่งพาอาศัยและสร้างคุณค่าระหว่างกัน และทำให้เกิดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจนสร้างยอดขายได้มากขึ้น
Business Model ที่จะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ได้ใช้สินค้าหรือบริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขแตกต่างกันไปตามรูปแบบธุรกิจ ซึ่งผลลัพธ์ของโมเดลธุรกิจฟรีแบบนี้จะมีทั้งการกลับมาซื้อซ้ำแบบเสียค่าใช้จ่าย การเปลี่ยนจากใช้ฟรีมาเป็นการจ่ายเงินเพื่อรับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีกว่า เป็นต้น
เป็นการทำธุรกิจที่แยกส่วนธุรกิจที่ทำได้ดีที่สุดหรือได้ผลกำไรมากที่สุดออกมาจากโมเดลธุรกิจเดิม เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันที่เหนือกว่า และตรงจุดประสงค์กับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า โดยมีเงื่อนไขว่าธุรกิจที่แยกส่วนออกมาจะต้องมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีและเป็นธุรกิจที่บริหารจัดการได้ดีจริง ๆ เท่านั้น
โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนจากพฤติกรรมการซื้อด้วยเงินก้อนใหญ่ มาเป็นพฤติกรรมของการสมัครสมาชิกที่จ่ายรายเดือนหรือรายปีในจำนวนที่ถูกกว่าการซื้อทีเดียว แต่เมื่อมองภาพรวมในระยะยาวแล้ว จะช่วยสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องและมีโอกาสเพิ่มจำนวนลูกค้าได้มากกว่าการขายขาดเพียงครั้งเดียว
โมเดลธุรกิจที่เน้นการขายแนวคิด การขายสินค้าที่มีความเฉพาะเพื่อให้ผู้ซื้อสามารถนำไปต่อยอดทำกำไรได้ ซึ่งตัวผู้ขายเองก็สามารถทำเงินทำกำไรจากการขายได้เป็นจำนวนมาก และมีโอกาสขายได้ต่อเนื่องในระยะยาว
เมื่อทราบถึงโมเดลธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มมองเห็นภาพมากขึ้นแล้วว่า จะทำการพลิกโฉมโมเดลธุรกิจของตัวเองแบบไหน หรือเสริมในจุดไหน แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการ Reinventing โมเดล ก็ต้องมีเครื่องมือดี ๆ ในการวางแผนธุรกิจและสร้าง Business Model ให้เกิดผลกำไรได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเครื่องมือที่ดีที่สุดก็คือ Business Model Canvas
Business Model Canvas คือเครื่องมือที่ช่วยออกแบบโมเดลธุรกิจได้ง่ายขึ้นโดยผ่านปัจจัย 9 ด้านที่มีการออกแบบมาแล้วว่าครอบคลุมทุกส่วนสำคัญของการทำธุรกิจ ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นช่อง 9 ช่องที่แต่ละช่องก็เป็นหัวข้อสำคัญที่จะช่วยอธิบายการดำเนินธุรกิจให้เห็นภาพได้มากขึ้น และช่วยให้มองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจได้ชัดเจน ซึ่งก็จะช่วยให้สามารถ Reinventing โมเดล ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการต่อยอดธุรกิจรวมทั้งการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจถึงการเขียนโมเดลธุรกิจได้ดีที่สุด และสามารถวางแผนในการ Reinventing โมเดล ได้ตรงจุดประสงค์ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การลงเรียนในหลักสูตรที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญและนักธุรกิจที่มีประสบการณ์จะช่วยให้คุณเข้าใจ และเห็นภาพของการสร้าง Business Model ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น อย่างเช่นหลักสูตรReinventing Business Model ที่ Eddu
เรื่องธุรกิจเป็นเรื่องที่ยิ่งรู้ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้มากขึ้น หลักสูตร Reinventing Business Model คือหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจแล้วและกำลังต้องการ Reinventing โมเดล หรือสร้าง Business Model ได้ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร เพิ่มยอดขาย และสามารถทำธุรกิจได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นอกจากนี้หลักสูตร Reinventing Business Model ยังนำเสนอตัวอย่าง Business Model Canvas ที่น่าสนใจเพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจ และสามารถเขียนโมเดลธุรกิจของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย แล้วมาพบกันได้ที่ eddu