หากพูดถึงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์หลายคนมักจะนึกถึงการใช้งาน Social Media ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ แต่ถ้าหากเราต้องการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากการใช้ Digital Marketing หนีไม่พ้นการตรวจสอบ Engagement ที่เราได้จากการใช้กลยุทธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้เราจะต้องมีการใช้สูตรคำนวณเพื่อวัดผลลัพธ์ว่าสิ่งที่เราลงทุนไปกับยอดที่เราได้กลับมานั้นมีความคุ้มค่ามากแค่ไหน ซึ่งจะมีความคล้ายกับการใช้สูตร ROI ที่ไม่ยากอย่างที่คิด โดย Engagement Rate คิดยังไง เราลองมาดูวิธีการเปรียบเทียบความคุ้มค่ากันเลย
Key Takeaways
สารบัญบทความ
ยอด Engagement คือ การสรุปผลลัพธ์ที่ได้จากการที่เราเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ในรูปแบบที่มีการวางกลยุทธ์ไว้อย่างชัดเจน เพื่อมาตรวจสอบว่ามียอดผลลัพธ์ที่ช่วยสร้าง Conversion และสามารถปิดยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อการนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบและวิเคราะห์สิ่งที่ต้องปรับแก้ไขในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดลำดับต่อไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า Engagement คือสิ่งที่เราต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอนั่นเอง
การสร้าง Engagement คือสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นมากในปัจจุบัน เนื่องจากว่าทุกธุรกิจย่อมมีการปรับตัวและใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถ้าหากมี Engagement ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำนวนมากย่อมเป็นผลดีต่อธุรกิจในหลายรูปแบบ ได้แก่
การตรวจสอบ Engagement จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ที่กลุ่มลูกค้าสามารถเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแบรนด์ได้ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์จะมีฟังก์ชันการตรวจสอบที่ต่างกันออกไป แต่หลัก ๆ แล้วเราจะสามารถแบ่งออกมาได้ ดังนี้
หลายแพลตฟอร์มเราสามารถกดแสดงความรู้สึกได้ทั้งสิ้น แต่บนแพลตฟอร์ม Facebook จะสามารถแสดงความรู้สึกได้หลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ (Like) กดขำ (HAHA) กดว้าว (Wow) กดรัก (Love) กดห่วงใย (Care) กดเศร้า (Sad) และกดโกรธ (Angry) ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็น Engagement การตลาดทั้งสิ้น
แน่นอนว่าสิ่งที่มีเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์คือการเปิดให้ผู้ใช้งานแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็น Engagement ที่เราสามารถตรวจสอบความต้องการของลูกค้าจากการคอมเมนต์ได้ เช่น การสอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมผ่านคอมเมนต์ เป็นต้น
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกแพลตฟอร์มมีเหมือนกันนั่นคือการแชร์ส่งต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติมเช่น การแชร์ไปหาคนรอบตัว หน้าโปรไฟล์ของตัวเอง ฯลฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Engagement ที่เราสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนเท่าไหร่บ้าง
เป็นอีกหนึ่ง Engagement ที่เราได้มีการใส่ลิงก์พาไปยังช่องทางอื่นที่เราต้องการ เช่น พาไปยังเว็บไซต์ พาไปยังการกรอกฟอร์ม ฯลฯ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบยอด CTR ได้ว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มีการกดลิงก์ไปยังปลายทางจากคอนเทนต์ตัวไหนที่เราได้มีการเผยแพร่ เพื่อการสร้างตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ได้รู้กันไปแล้วว่าทั้ง 4 ประเภทของ Engagement การตลาดคืออะไรบ้างที่เราสามารถตรวจสอบผลลัพธ์จากกลุ่มลูกค้าได้ นอกจากนี้เรายังต้องมีการใช้สูตรคำนวณ Engagement เพื่อให้ทราบว่าผลลัพธ์ที่ได้มานั้นมีความคุ้มค่าและคุ้มต่อการลงทุนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งสูตรคำนวณจะมีความคล้ายกับการใช้สูตร ROI ดังต่อไปนี้
Total Engagement (Like+Comment+Share) / Total Impressions x 100 = Engagement Rate
การใช้สูตรคำนวณ Engagement Rate จะเป็นตัวช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพของโฆษณาของเราว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพื่อนำไปปรับรูปแบบกลยุทธ์ขึ้นใหม่เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
การสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาที่สามารถสร้าง Engagement ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างครบครัน เพื่อให้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ดังนี้
ต่อมาเราจะมาพูดถึงการใช้กลยุทธ์เพื่อสร้าง Engagement อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ 5 องค์ประกอบที่มีความจำเป็นในการสร้างสรรค์เนื้อหาคอนเทนต์ ที่จะประกอบไปด้วย
เป็นรูปแบบการจำลองเพื่อกำหนดว่าแต่ละกลุ่มลูกค้ามีความชื่นชอบ และความต้องการในด้านใดบ้าง เพื่อให้เราสามารถกำหนดสิ่งที่ต้องการจะสื่อสาร และสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างตรงจุด ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยเพิ่มยอด Engagement ได้อย่างแน่นอน
เป็นรูปแบบการสร้างภาพลักษณ์เพื่อสร้างการจดจำให้กับกลุ่มลูกค้า ซึ่งสามารถทำออกมาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำคลิปวิดีโอ การสร้างสรรค์เนื้อหาคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร ฯลฯ ซึ่งแม้จะดูเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่เป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี
เป็นรูปแบบการกำหนดเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร โดยที่จะต้องมีรูปแบบให้เน้นการจดจำ เข้าใจง่าย และสื่อสารได้ตรงจุดมากที่สุด เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าเกิดความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์
เป็นรูปแบบการกำหนดการปล่อยเนื้อหาคอนเทนต์ว่าเราจะมีการสร้างสรรค์เนื้อหาและเผยแพร่วันไหนบ้าง โดยควรจะมีการสร้างคอนเทนต์ผ่านการวาง Customer Journey เพื่อเรียงลำดับให้กลุ่มเป้าหมายค่อย ๆ สร้างการรับรู้จนไปถึงการเข้ามาเป็นกลุ่มลูกค้าในที่สุด
เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดคือการรวบรวมและตรวจสอบ Engagement ทั้งหมดเพื่อนำมาคำนวณและวิเคราะห์ว่ามีผลตอบรับดีมากแค่ไหน เราควรปรับปรุงและพัฒนาอย่างไรเพื่อให้เกิด Engagement ที่มีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้าเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น
ช่องทางออนไลน์แต่ละแพลตฟอร์มมีกลยุทธ์การเพิ่มยอด Engagement ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระบบของโซเชียลมีเดียรวมไปถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเราได้รวบรวมเคล็ดลับของแต่ละแพลตฟอร์มไว้ให้เรียบร้อย
Engagement หมายถึงการสร้างยอดการรับชมที่มีความสำคัญต่อการเดินหน้าในทางธุรกิจระยะยาว เนื่องจากเราสามารถนำข้อมูลการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาที่ตอบโจทย์และตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น และนอกจาก Engagement ยังมีกลยุทธ์หลากหลายที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งเรารวบรวมไว้ให้แล้วที่คอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ Shortcut Digital Marketing รับรองว่าได้รับความรู้ที่สดใหม่ จัดเต็มทุกเนื้อหา พร้อมนำไปปรับใช้กับการทำธุรกิจของตัวเองได้ในระยะยาว
Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.