thumbnail
March 3, 2025

ROI เครื่องมือสำคัญในการวัดประสิทธิภาพการลงทุน

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจส่วนตัวคือการลงทุนกับหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น การผลิตสินค้า การบริการลูกค้า การจ้างพนักงาน การทำตามกลยุทธ์การตลาด และอื่น ๆ อีกหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่เราได้มีการลงทุนไปแล้ว เราก็ต้องมีการตรวจสอบ ROI หรือ Return on Investment ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจมากเช่นกัน

หากเพื่อน ๆ ยังไม่ทราบว่าการคำนวณ ROI มีความสำคัญอย่างไรกับการทำ Digital Marketing แล้ววิธีคิด ROI เป็นอย่างไร มีสูตรการคำนวณอย่างไรบ้าง สำหรับบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลและเทคนิคการใช้งาน ROI เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับองค์กรมากที่สุด


Key Takeaways

  • ROI เป็นสูตรวัดประสิทธิภาพการลงทุนในทางธุรกิจ ที่มีความสำคัญในการวัดผลกำไร ขาดทุน รวมไปถึงสิ่งที่ได้กลับมาจากการลงทุนในแต่ละครั้ง ซึ่งควรมีการวิเคราะห์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง
  • สูตรวัดค่า ROI เพื่อวัดประสิทธิภาพการลงทุนไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างที่คิด อีกทั้งยังสามารถคำนวณได้ง่าย ๆ และหากผลลัพธ์จากการคำนวณ ROI สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
  • 5 เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน เพื่อให้ค่า ROI เพิ่มยิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ วางแผนและตั้งเป้าหมายธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์, ตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง, จัดการทรัพยากรให้เหมาะสม, ใช้กลยุทธ์สำหรับการลดค่าใช้จ่าย และสร้างกลยุทธ์ด้านการรักษาฐานลูกค้า

สารบัญบทความ


ROI คืออะไร ช่วยคิดสูตรวัดประสิทธิภาพการลงทุนได้อย่างไร?

Return on Investment หรือ ROI คือ ขั้นตอนการคำนวณผลลัพธ์ที่ได้จากการลงทุน เพื่อวัดผลประสิทธิภาพตอบแทนและผลกำไรที่ได้ว่ามีความคุ้มค่าต่อการลงทุนในครั้งนั้นมากแค่ไหน มียอด Engagement เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ มี Conversion อะไรบ้างจากลูกค้า เราเสียอะไรไปบ้างแล้วเราได้อะไรกลับมาบ้าง  หรือว่าเรามีการขาดทุนมากน้อยแค่ไหน

ความหมายของ ROI เรียกได้ว่าสั้นแต่สำคัญมากเลยทีเดียว เนื่องจาก ROI ช่วยวัดผลที่ได้ในแต่ละครั้ง เราจะสามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงรูปแบบในการลงทุนใหม่ เพื่อหวังผลตอบแทนที่ได้กลับมาให้มากกว่าเดิม อีกทั้งการคำนวณด้วย ROI ยังเป็นตัวกำหนดสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ หากมีการลงทุนอย่างไม่มีแบบแผน ก็อาจส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว


ความสำคัญของการวัดค่า ROI (Return on Investment)

คำนวณ ROI

หลายคนได้รู้ความหมายของ ROI ก็น่าจะเห็นถึงความสำคัญเบื้องต้นของการวัดผลประสิทธิภาพในการลงทุนกันไปแล้ว ซึ่งเราจะมาพูดถึงความสำคัญแบบเจาะลึกที่จะทำให้เห็นว่าทำไมการคำนวณด้วย ROI จึงมีความสำคัญอย่างมากกับการทำ Digital Marketing หรือการทำธุรกิจ

  • การวัดความสำเร็จในธุรกิจของเรา เนื่องจาก ROI เป็นตัวชี้วัด KPI หรือการวัดประสิทธิภาพการลงทุนเพื่อวัดผลกำไรและขาดทุน เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อว่าที่เราลงทุนไปนั้นคุ้มค่ามากแค่ไหน หรือว่าเราควรจะปรับปรุงการลงทุนไปในทิศทางอื่นที่มีความเหมาะสมและตอบโจทย์กับทุกฝ่ายมากกว่า
  • การมองหาเส้นทางเพื่อตัดสินใจลงทุน เนื่องจาก ROI สามารถแบ่งเป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบของความแตกต่างในการลงทุน ซึ่งควรจะมีการมองหาวิธีการลงทุนที่ให้ ROI สูงที่สุด แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดด้านความเสี่ยง

วิธีคำนวณค่า ROI เพื่อวัดประสิทธิภาพการลงทุน

ROI คิดยังไง? สำหรับสูตรคำนวณเพื่อวัดผลประสิทธิภาพการลงทุน แน่นอนว่ามีวิธีที่ไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งหากค่า ROI ยิ่งสูงแปลว่ายิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงเราได้ผลลัพธ์การลงทุนที่ดี หรือได้รับผลกำไรที่คุ้มค่า โดยมีสูตรการคำนวณ ดังนี้ 

  • กำหนดจำนวนเงินลงทุนที่ใข้
  • กำหนดจำนวนผลตอบแทนที่ได้รับ
  • คำนวณผลตอบแทนที่ได้ ลบจำนวนเงินระหว่างต้นทุนและรายรับ นำไปหารด้วยต้นทุน และนำไปคูณกับ 100 กลายเป็นผลตอบแทนสุทธิที่ได้
วิธีคำนวณค่า ROI

ยกตัวอย่าง เช่น Coca - Cola’s ตัดสินใจลงทุนแคมเปญโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ โดยมีการลงทุนค่าโฆษณา 50 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนมูลค่า 70 ล้านบาท ซึ่งสามารถคำนวณค่า ROI ได้ดังนี้

วิธีคำนวณค่า ROI

จากผลคำนวณการทำโฆษณาของ Coca - Cola’s ได้ค่า ROI = 40% แปลว่าทุก 1 บาท ได้รับผลตอบแทน 1.40 บาท เท่ากับว่าเป็นผลกำไร 0.40 บาทจากการลงทุน 1 บาท นั่นเอง


ตัวอย่างการใช้ ROI ในธุรกิจที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญ

นอกจากการยกตัวอย่างการใช้งาน ROI กับแบรนด์น้ำอัดลมเจ้าใหญ่อย่าง Coca - Cola’s เราจะขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมกับรูปแบบธุรกิจที่ใกล้ตัวมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้งานได้จริง โดยจะมีรูปแบบธุรกิจ ดังนี้

  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถนำ ROI เพื่อคำนวณประสิทธิภาพการลงทุนได้หลายรูปแบบ เช่น ซื้อสินทรัพย์ไว้ในราคา 8 ล้านบาท เพื่อปล่อยเช่าและได้กำไร 800,000 บาทต่อปี ซึ่งจะคิดเป็น ROI 10% แต่เปอร์เซ็นต์ที่ได้จะไม่ใช่กำไรทั้งหมด เนื่องจากต้องมีทั้งค่าบำรุงรักษา ภาษีทรัพย์สิน และประกันภัย เป็นต้น
  • แคมเปญการตลาด สามารถคำนวณ ROI ได้ง่าย ๆ จากการคิดกำไรที่ได้จากการสร้างแคมเปญ เช่น แคมเปญใช้งบประมาณ 500,000 บาท แล้วได้กำไรจากการขาย 1.7 ล้านบาท ROI จะอยู่ที่ 240% แต่จะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นเพิ่มเติม เช่น ระยะเวลาในการสร้างยอดขาย จำนวนกลุ่มลูกค้าที่รู้จักแบรนด์มากขึ้น เป็นต้น
  • ตลาดหุ้นและการลงทุน ROI สามารถวัดประสิทธิภาพของหุ้นแต่ละตัว พร้อมเปรียบเทียบประสิทธิภาพของหุ้นต่าง ๆ เช่น ซื้อหุ้นในราคา 2,000 บาท ขายได้ 2,500 บาท ROI อยู่ที่ 25% หรือการเปรียบเทียบหุ้น Tesla และ Apple เพื่อดูโอกาสการเติบโตที่มากกว่าแต่ตามจริงการคำนวณ ROI สำหรับซื้อหุ้นต้องพิจารณาจากดอกเบี้ยที่ได้ 

เทคนิคเพิ่ม ROI ให้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีคิด ROI

ROI เท่าไหร่ถึงจะดี? อย่างที่ผมได้เกริ่นไปข้างต้นว่ายิ่งค่า ROI สูงก็ถือเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและได้ผลเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเราสามารถเพิ่มค่า ROI ให้กับธุรกิจของเราได้อีกด้วย จาก 5 เทคนิคที่เราได้รวบรวมมาให้ ดังนี้

วางแผนและตั้งเป้าหมายธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ 

ขั้นวัดผลประสิทธิภาพการลงทุนของ ROI ที่ได้ผลลัพธ์ดีจะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์พร้อมตั้งเป้าหมายในการลงทุนที่ชัดเจน เช่น หากมีการลงทุนจากการยิง Ads Facebook ต้องมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเลือกแคมเปญการยิงโฆษณาที่ถูกต้อง และสามารถวัดค่า ROI ได้เป็นอย่างดี

ตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง 

ต้องมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์และประสิทธิภาพการลงทุนอยู่เสมอ เพื่อมองหาสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือพัฒนาตัวที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้จากข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการลงทุนไปแล้ว ซึ่งหากมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ค่า ROI เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

จัดการทรัพยากรให้เหมาะสม

ทั้งวัตถุดิบในการผลิตสินค้าและระบบการดำเนินงานขององค์กร เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากการเพิ่มทักษะให้กับพนักงานจะมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากการพัฒนาชิ้นงานและสามารถปรับจุดที่ต้องแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีส่วนช่วยให้เพิ่มค่า ROI ได้มากเลยทีเดียว

กลยุทธ์สำหรับการลดค่าใช้จ่าย

ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงการต่อรองกับคู่ค้า ซัพพลายเออร์ หรือผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายได้จากการประหยัดพลังงาน ปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อประหยัดทรัพยาการมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนช่วยให้ค่า ROI เพิ่มขึ้นจากการลดค่าใช้จ่ายที่ลดลง

กลยุทธ์ด้านการรักษาฐานลูกค้า

นอกจากการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นฐานลูกค้าแล้ว เรายังคงต้องมีการรักษาฐานลูกค้าไว้อย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการสร้างความประทับใจ การบริการที่ดี ฯลฯ เพราะการเข้าหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า


ข้อดี - ข้อจำกัดของ ROI สูตรวัดประสิทธิภาพการลงทุน

จะเห็นได้ว่าข้อดี ROI ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ จากการเป็นตัวบ่งชี้ว่าธุรกิจของเรามีการเติบโตขึ้นมากแค่ในไหนการลงทุนที่ผ่านมา อีกทั้งยังสามารถมองหาจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขหรือพัฒนาให้ตอบโจทย์กับการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น 

แต่อย่างไรก็ตามการวัดผลประสิทธิภาพดำเนินธุรกิจยังมีข้อจำกัดอยู่สองเรื่องหลัก ๆ ด้วยกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วย ดังนี้

  • การเข้าใจผิดเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ROI ซึ่งเป็นสูตรคำนวณที่ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป เพราะหลายคนมักมองว่าสามารถนำไปเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจลงทุนได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะตัวนักลงทุนเองก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเองจะมีความแน่นอนมากยิ่งกว่า
  • ปัจจัยอื่นที่ไม่ได้ถูกคำนวณร่วมด้วยใน ROI ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการลงทุน ความเสี่ยง ภาวะเงินเฟ้อ หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักมีการเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

Return on Investment (ROI) สูตรสำคัญเพื่อวัดประสิทธิภาพการลงทุน 

การวัดผลประสิทธิภาพการลงทุนด้วยสูตรคำนวณ ROI ถือว่ามีส่วนช่วยในการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนารูปแบบแผนการลงทุนของธุรกิจได้เป็นอย่างดี แต่ก็แน่นอนว่ายังมีข้อจำกัดตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น

แต่นอกเหนือจากนี้หากใครที่กำลังมองหาความรู้เพิ่มเติมในการทำธุรกิจสามารถสมัครคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ Shortcut Reinventing ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อแก้เกมได้ทัน เพิ่มเส้นทางขยายธุรกิจให้เติบโต จากผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจและได้รับรางวัลการันตีว่าเป็นผู้ที่เก่งด้านการวางแผนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง หากสนใจเข้ามาดูรายละเอียดได้เลยที่หน้าเว็บไซต์ eddu.org

Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

อัปสกิลไปพร้อมกับ eddu
ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาในการเรียน
ตลอดจนแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสม
กับผู้เรียน ทั้งบุคคลและองค์กร