thumbnail
March 3, 2025

STP Marketing อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่มีความสำคัญกับแบรนด์

ตั้งแต่การมาถึงของเครื่องมือดิจิทัล หลายธุรกิจก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนช่องทางทำการตลาดจากออฟไลน์เปลี่ยนมาเป็นออนไลน์ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้เกิดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มากมาย นั่นรวมถึง STP Marketing ที่เป็นเครื่องมือสำหรับการทำความรู้จักกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้ง 

ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าการทํา STP Marketing เป็นกลยุทธ์สำหรับการตลาดออนไลน์ที่หลายธุรกิจเลือกใช้ตั้งแต่ Niche Market ไปจนถึงระดับ Mass Market โดยการใช้งาน STP Marketing คืออะไร แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นส่วนประกอบ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกัน


Key Takeaways

  • STP Marketing อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่เป็นตัวช่วยในการศึกษาความต้องการของลูกค้า คู่แข่ง และความต้องการในตลาดอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้กับธุรกิจของเราเอง
  • STP Marketing มีองค์ประกอบสำคัญหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ Segmentation Targeting และ Positioning
  • การทำความเข้าใจกลยุทธ์การใช้งานและตัวอย่างการวิเคราะห์ STP Marketing จะช่วยให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้กับรูปแบบธุรกิจของตัวเองได้อย่างถูกต้อง

สารบัญบทความ


STP Marketing คืออะไร เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ทางธุรกิจอย่างไรบ้าง?

Segmentation Targeting Positioning หรือ STP Marketing หมายถึง การแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการคล้ายกันออกเป็นกลุ่มย่อย เพื่อสร้างวิธีการที่เข้าถึงได้อย่างถูกจุดและมีประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์ด้วย STP Marketing ที่ปัจจุบันมีอยู่ในหลักสูตรตามคอร์สเรียนธุรกิจที่หลายสถาบันให้ความสำคัญ โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อการสร้างความต้องการและดึงดูดความสนใจให้กลุ่มลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้าจากเราอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นผลดีต่อการใช้ต้นทุนอย่างคุ้มค่ามากที่สุด


ทำไมธุรกิจควรใช้กลยุทธ์ STP Marketing? 

ตั้งแต่การมาถึงของ Digital Marketing ที่ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวหันมาทำการตลาดออนไลน์ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ซึ่ง STP Marketing เป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน 

ทำให้ STP Marketing ช่วยให้เราสามารถกำหนดสิ่งที่ต้องการสื่อสารออกไปได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ อีกทั้งยังเป็นเหมือนการทำ USP คือการกำหนดความโดดเด่นของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างแรงดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าหันมาสนใจและเลือกซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้น


3 องค์ประกอบสำคัญของเครื่อมือ STP Marketing 

STP Marketing คือ

STP Marketing ถูกแยกย่อยออกเป็น 3 องค์ประกอบสำคัญต่อการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพื่อการเสิร์ฟโฆษณาหรือคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด ดังนี้

Segmentation การแบ่งตลาดความต้องการ

เป็นการแบ่งกลุ่มลูกค้าในตลาดที่เราต้องการ เพื่อดูว่ากลุ่มลูกค้าที่ถูกแบ่งย่อยออกมามีความชื่นชอบและสนใจในสินค้าและบริการด้านไหนบ้าง พร้อมกับการสร้างแคมเปญการตลาดที่เกี่ยวข้องสำหรับการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

Targeting การกำหนดกลุ่มลูกค้า

นอกจากการแบ่งกลุ่มลูกค้าแล้ว เราจะต้องมีการกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ลึกลงไป เพื่อดูว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าและบริการของเรา อาจมีการทำ Persona เพื่อให้เห็นความต้องการของลูกค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากเราไม่สามารถขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้ เพราะแต่ละกลุ่มลูกค้าในตลาดก็จะมีความต้องการที่ต่างกันออกไป

Positioning การกำหนดตำแหน่งทางการตลาด

เป็นการกำหนดจุดเด่นของแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างกับคู่แข่งอย่างชัดเจน เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นว่าสินค้าของเรามีจุดเด่นที่แตกต่างกับแบรนด์อื่นอย่างไร ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดยอดขายได้มากยิ่งขึ้น


สร้างกลยุทธ์การตลาดด้วยเครื่องมือ STP Marketing ใน 7 ขั้นตอน

การทำ STP Marketing

ได้เข้าใจกันไปแล้วว่า STP Marketing คืออะไร มีประโยชน์และสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ฉะนั้นต่อมาเราจะพาไปดูวิธีการสร้างกลยุทธ์การตลาดด้วยการใช้ STP Marketing ใน 7 ขั้นตอน ที่บอกเลยว่านอกจากมีความสำคัญ ต้องห้ามข้ามแม้แต่ขั้นตอนเดียว

1. กำหนดตลาดที่ต้องการ 

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบไหนก็มีตลาดที่กว้างขวาง พร้อมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ฉะนั้นต้องเริ่มต้นด้วยการกำหนดสิ่งที่อยากทำให้ชัดเจน โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตลาดที่เราต้องวิเคราะห์ ได้แก่

  • Total Available Market (TAM) วิเคราะห์ตลาดที่ใหญ่ที่สุดเพื่อมองหาโอกาสสร้างยอดขาย
  • Serviceable Available Market (SAM) รูปแบบตลาดที่เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเราเหมาะสมกับส่วนไหนของตลาด
  • Serviceable Obtainable Market (SOM) ตลาดที่ให้บริการได้ ซึ่งต้องวิเคราะห์ว่าสามารถเข้าถึงส่วนไหนในตลาดได้บ้าง

2. สร้างกลุ่มคนที่แบ่งส่วนไว้เพื่อเจาะจง 

หากสามารถกำหนดตลาดได้ ต่อมาต้องมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าให้เป็นกลุ่มย่อย เพื่อให้เราทราบว่ากลุ่มคนแบบไหนบ้างที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการของเรา เพื่อทำการตลาดเจาะจงได้ตรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • Demographic ข้อมูลประชากร
  • Behavioral พฤติกรรม
  • Phychographic จิตวิทยา
  • Geographic ภูมิศาสตร์

3. สร้างโปรไฟล์กลุ่มด้วยข้อมูลจำนวนมาก 

การสร้างโปรไฟล์กลุ่มเป็นองค์ประกอบของ STP Marketing เพื่อให้คำนิยามของแต่ละกลุ่ม โดยที่จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด ได้แก่

  • ข้อมูลส่วนตัว
  • สถานภาพของครอบครัว
  • พฤติกรรมด้านต่าง ๆ 
  • รูปแบบการใช้จ่าย
  • ความชื่นชอบในตัวแบรนด์

4. ประเมินความน่าดึงดูดเชิงพาณิชย์เพื่อทำยอดขาย 

ต้องทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ว่ากลุ่มไหนที่มีแนวโน้มและโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้กับแบรนด์มากที่สุด เพื่อการกำหนดงบประมาณในการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถพิจารณาได้จาก ราคาของสินค้าที่ลูกค้ายอมจ่าย หรือความชื่นชอบในตัวแบรนด์ ฯลฯ

5. เลือกกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อย่างแท้จริง 

เมื่อได้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่มากเพียงพอ ขั้นตอนต่อมาของ STP Marketing คือการใช้เวลามองหากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ซึ่งจะมีความเหมาะสมกับตัวแบรนด์ โดยอาจมีการคำนึงถึงการแข่งขันในตลาด ความน่าสนใจ และกลยุทธ์อื่น ๆ ที่เลือกใช้

6. พัฒนากลยุทธ์การวางตำแหน่งของสินค้า 

วิธีที่จะสามารถวางตำแหน่งของสินค้าได้อย่างดี จะต้องมีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งเพื่อนำมาเปรียบเทียบและพัฒนาเราเองให้ดียิ่งกว่า พร้อมชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด ซึ่งสามารถอ้างอิงข้อมูลได้จากการเลือกกลุ่มเป้าหมายก่อนหน้า 

7. เลือกส่วนประสมทางการตลาด 

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมก็ถึงเวลาการนำไปใช้งานจริง โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เตรียมไว้ทั้งหมด ซึ่งส่วนผสมทางการตลาดจะประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่

  • Product การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพ ความคุ้มค่า ความสวยงาม ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ ฯลฯ
  • Price การให้ความสำคัญกับราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกสนใจในสินค้ามากยิ่งขึ้น
  • Place การให้ความสำคัญกับช่องทางขายสินค้า ที่จะต้องมีความสะดวกและเข้าถึงง่าย
  • Promotion การให้ความสำคัญกับวิธีส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างแรงดึงดูดที่มากขึ้น

ข้อดีของกลยุทธ์การตลาด STP Marketing ที่สำคัญต่อการทำธุรกิจ

STP Marketing เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่สามารถช่วยให้ธุรกิจได้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว โดยข้อดีของกลยุทธ์นี้ประกอบไปด้วย

  1. สื่อสารแบรนด์ได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากเรารู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายว่ามีความต้องการอย่างไร ทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบการสื่อสารที่ถูกต้องและถูกจุด
  2. เลือกช่องทางทำการตลาดได้อย่างแม่นยำ จากการศึกษากลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมาเป็นอย่างดีทำให้รู้ว่าควรวางขายสินค้าในช่องทางไหนจึงช่วยสร้างยอดขายได้ในระยะยาว
  3. พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีคุณภาพ จากการได้ศึกษาทั้งความต้องการของกลุ่มลูกค้า และการปรับเปลี่ยนของคู่แข่ง ซึ่งจะช่วยให้เรามองหาหนทางการพัฒนาสินค้าได้ดีและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น
  4. ยกระดับการแข่งขันของธุรกิจ SME จากการให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถตรวจสอบความต้องการของตลาด และสามารถผลิตสินค้าออกมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้

ตัวอย่างการใช้งานเครื่องมือ STP Marketing กับแบรนด์ชั้นนำ

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราจะมีการยกตัวอย่าง STP Marketing ที่มีการใช้งานในแบรนด์ชั้นนำอย่าง Coca-Cola เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ทั่วโลกต้องคุ้นเคย

STP Marketing ตัวอย่างธุรกิจเครื่องดื่ม

  • Segmentation Coca-Cola แบ่งกลุ่มลูกค้าออกจากหลายปัจจัยทั้ง เพศ อายุ สถานะ และไลฟ์สไตล์ เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มคนรักสุขภาพ เป็นต้น
  • Targeting Coca-Cola มีกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลทั่วไปที่สามารถดื่มได้ทุกช่วงอายุ แต่บางผลิตภัณฑ์ต้องทำการตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพที่ออกโคล่าไม่มีน้ำตาล เป็นต้น
  • Positioning Coca-Cola มีการกำหนดตัวเองเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่น พร้อมลุยทุกการทำกิจกรรม ผ่านการสร้างแคมเปญโฆษณาหลายรูปแบบ

STP Marketing กลยุทธ์การตลาดที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องใช้งาน

STP Marketing กลยุทธ์การตลาดที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน จากการทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้า คู่แข่ง และความต้องการในตลาดอย่างลึกซึ้ง และนอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์การตลาดอีกมากที่จะเข้ามาเป็นตัวเสริมความแกร่งให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น หากต้องการศึกษาต่อสามารถสมัครเรียนการตลาดออนไลน์ Shortcut Digital Marketing by eddu.org ที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

อัปสกิลไปพร้อมกับ eddu
ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาในการเรียน
ตลอดจนแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสม
กับผู้เรียน ทั้งบุคคลและองค์กร