การทำงานทุกองค์กร ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร แน่นอนว่า เป้าหมายความสำเร็จในธุรกิจ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ละองค์กร มักมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร และทุกที่ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ก็ต้องมีคนดูแลควบคุม บริหารโปรเจคสินค้าให้เกิดยอดขาย โดยหน้าที่ของคนที่เข้ามาควบคุม เราจะเรียกตำแหน่งนี้ว่า Project Manager ที่คอยจัดการทุกงานให้สมบูรณ์มากที่สุด ตั้งแต่การวางแผน การจัดระเบียบ การจัดการ ควบคุมต้นทุน จัดการงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน
ในปัจจุบัน แม้จะใช้ Project Manager ในการบริหารจัดการงาน แต่รูปแบบการทำงานในยุคใหม่ ก็มักจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งยุคเดิมทุกคนจะเคยชินกับการทำงานแบบ Water Fall หรือการทำงานแบบเป็นขั้นตอนเหมือนน้ำตก ไม่เหมาะกับการทำซ้ำ เมื่อต้องแก้ไขงาน รูปแบบที่องค์กรนิยมกันมากในตอนนี้ จะเรียกว่า การทำงานแบบ Agile ซึ่งถ้าธุรกิจไหน เข้าใจการทำงานแบบ Agile ได้ทั้งหมด รับรองว่าธุรกิจไปได้สวยแน่นอน เรามาดูกัน กับหลักการใช้ Agile ที่รู้แล้ว จะบริหารจัดการงานได้ง่ายกว่าเดิม
เกิดขึ้นในช่วงเทคโนโลยีเริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก ยุคค.ศ 2001 โดยนักพัฒนาซอฟแวร์ 17 คน ที่รวมตัวเพื่อแก้ไขปัญหาการพัฒนาซอฟแวร์แบบเดิมๆ ที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า มีรากศัพท์มาจาก Agility หมายถึงความคล่องแคล่ว ว่องไว สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าต้นกำเนิด จะมาจากปัญหาการพัฒนาซอฟแวร์ แต่ปัจจุบันสามารถประยุกต์กับการพัฒนาทุกๆ องค์กรได้
เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ธุรกิจที่ผลิตสินค้าและบริการ ต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานตาม โดยการเอาโปรเจคใหญ่ มาซอยย่อย ให้เกิดกระบวนการทำงาน ที่ยืดหยุ่นเน้นการทำงานเป็นทีม การส่งมอบผลงานอย่างรวดเร็ว และการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ยึดติดกับแผนงานที่ตายตัว เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง ต้องการรับ feedback และปรับแก้ไขงานได้บ่อย ๆ โดยระหว่างการทำงาน สามารถทำไป Test ไป จนกว่าจะเกิดการมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
Agile เน้นย้ำว่าการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้ใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ และมักจะสร้างคุณค่าที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสำเร็จให้กับคุณและลูกค้าของคุณ สิ่งนี้จะสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจผ่านการตอบรับอย่างต่อเนื่อง
การทํางานแบบ Agile สิ่งสำคัญคือต้องมีความคล่องตัว คุณและทีมของคุณจำเป็นต้องสแกนสภาพแวดล้อมของคุณอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมทุกการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในแผน และยอมรับว่าแผนของคุณอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะช่วยให้แน่ใจว่าคุณกำลังส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า
การส่งมอบผลิตภัณฑ์ทีละน้อยและบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ......เพราะช่วยให้ลูกค้ามีเวลาและโอกาสอย่างสม่ำเสมอในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้า สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ใช้เวลามากเกินไปในเส้นทางที่ผิด
การทํางานรวมกันภายในทีม ไม่ได้แบ่งว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายใด ทุกหน้าที่ร่วมกันวางแผนและทํางานเพื่อให้สามารถบรรลุผลของความต้องการของลูกค้าได้
ทีม Agile จะประกอบด้วยสมาชิกในทีมที่ไว้วางใจซึ่งกันและกันเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง แต่การได้รับความไว้วางใจจากผู้สนับสนุนและผู้บริหารเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง ทีมจะสามารถสร้างโซลูชันที่ดีขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับพลังและแรงจูงใจในการส่งมอบโครงการที่ยากเสมอ
การสื่อสารแบบเห็นหน้ากันช่วยให้เรารับรู้ได้ถึง ภาษากาย และการแสดงสีหน้าบางอย่างที่อาจหายไปเมื่อเราใช้รูปแบบการสื่อสาร เช่น อีเมล แชท หรือโทรศัพท์ แต่เราก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากันได้ตลอดเวลาเสมอไป ดังนั้นทีมจึงต้องบรรทัดฐานในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ในทีมแบบ Agile วิธีหลักในการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของงานที่มีความหมายคือการแสดงชิ้นงานของโซลูชันในทีม นั่นอาจหมายถึงสิ่งที่ใช้งานได้ เพื่อทดลองให้ลูกค้าได้เห็นถึงสินค้า หรือความคืบหน้า
ก้าวที่มั่นคงแต่ระมัดระวังจะป้องกันข้อผิดพลาดระหว่างทาง และไม่ต้องการให้ทีมรู้สึกทำงานหนักเกินไปหรือหนักใจ ในทางกลับกัน ทีมที่ใช้งานน้อยเกินไปอาจรู้สึกเบื่อและสูญเสียจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อุดมคติแบบอไจล์คือการบรรลุความพยายามที่สม่ำเสมอสำหรับทีมเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเวลาและความเหนื่อยหน่ายจากการทํางาน
Agile เน้นคุณภาพและการออกแบบตลอดช่วงการพัฒนาโครงการ ความคล่องตัว ประสิทธิภาพ และความรวดเร็วของทีมงานจะเพิ่มขึ้นเมื่อทีมได้นำเสนอโซลูชันที่สร้างขึ้นอย่างดี สามารถตอบสนองความคิดเห็นของผู้ใช้และข้อมูลใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
การทําสิ่งที่เรียบง่าย ตรงประเด็น และไม่ซับซ้อน ทําให้ทีมสามารถเข้าใจเป้าหมายและทํางานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สมาชิกในทีมควรสามารถทำงานให้สำเร็จได้โดยการออกแบบกระบวนการทำงานและแนวทางปฏิบัติของตนเอง โดยไม่ต้องมีผู้จัดการคอยสั่งการว่าทำงานอย่างไร สมาชิกในทีมควรรู้สึกมีอำนาจที่จะแสดงความคิดเห็นเมื่อมีคำถาม ข้อกังวล หรือคำติชม ความต้องการของลูกค้า งานที่ออกมาดีที่สุด เกิดจากทีมที่บริหารจัดการตัวเองได้
หัวใจสำคัญของ Agile คือ การส่งมอบผลงานที่ใช้งานได้จริงให้กับลูกค้าเป็นประจำ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานและทดสอบฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้จริง
สำหรับการใช้ Agile ทำงาน หลักการง่ายๆ เลย มีดังนี้
ขั้นตอนการทำงานของ Agile มีการเรียงลำดับวิธีที่เข้าใจง่ายๆ สรุปได้ ดังนี้
โดยปกติแล้ว การทำงานแบบ Agile จะมีหลักๆ 3 แบบ ดังนี้
Agile ถือว่าเป็นแนวทางการทำงานแบบยืดหยุ่น เน้นการทำงานเป็นทีม การส่งมอบผลงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจได้มากมาย ดังนี้
1. เพิ่มความเร็วในการส่งมอบสินค้าและบริการ Agile แบ่งงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ พัฒนาและส่งมอบผลงานทีละส่วน ช่วยให้รับ feedback และปรับแก้ไขงานได้บ่อย ส่งผลให้สินค้าและบริการออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Agile เน้นการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและทรัพยากร
3. เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน Agile เน้นการทำงานเป็นทีม ทุกคนมีส่วนร่วมและรับผิดชอบร่วมกัน ช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
4. เพิ่มประสิทธิภาพให้ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง Agile ยืดหยุ่นและปรับแผนงานตามสถานการณ์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในตลาดและเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. เพิ่มการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Agile เน้นการเรียนรู้จาก feedback ปรับปรุงวิธีการทำงาน พัฒนาผลงานให้ดีขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ตัวอย่าง
ท้ายที่สุดแล้ว Agile คือกรอบความคิดที่ได้รับแจ้งจากค่านิยมและหลักการของ Agile Manifesto ค่านิยมและหลักการเหล่านี้ เป็นแนวทางในการสร้างและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและวิธีจัดการกับความไม่แน่นอน ให้มีแนวทางปฏิบัติ และเทคนิคต่างๆ เพื่อใช้ทำงานร่วมกับทีม และส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า ได้ใช้สินค้าและบริการจากธุรกิจของคุณอย่างน่าพึงพอใจมากที่สุด ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และรับมือการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพหากใครอยากเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานแบบ Agile มากขึ้น มาเรียนคอร์ส Agile Project Management ปรับระบบการทำงานให้คล่องตัว เน้น…คนและการมีปฏิสัมพันธ์กัน เน้น…ซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้งานได้จริง เน้น…ร่วมมือทำงานกับลูกค้า เน้น…การตอบรับกับการเปลี่ยนแปลง แล้วพบกันที่ eddu