Marketing Funnel คู่มือสำหรับนักธุรกิจและผู้ประกอบการยุคใหม่
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเรียนการตลาดออนไลน์เพื่อพัฒนากลยุทธ์และทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากต่อผู้ประกอบการยุคใหม่และหนึ่งในกลยุทธ์พื้นฐานที่นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการ ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ ก็คือ Marketing Funnel เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและพัฒนากลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับนักธุรกิจหรือนักลงทุนมือใหม่ อาจจะยังไม่เข้าใจว่า Marketing Funnel คืออะไร สามารถนำมาปรับใช้ในธุรกิจในด้านไหนได้บ้าง บทความนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วตามมาดูกันเลย
Key Takeaways
- Marketing Funnel คือเครื่องมือที่ช่วยจัดการเส้นทางการเดินทางของลูกค้า ตั้งแต่การสร้างการรับรู้จนถึงการรักษาลูกค้าในระยะยาว
- Funnel แบ่งเป็น 5 ขั้น: Awareness, Interest, Consideration, Conversion, และ Retention
- การทำ Funnel ให้มีประสิทธิภาพควรมุ่งเน้นที่การรู้จักกลุ่มเป้าหมาย สร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ และวัดผลอย่างต่อเนื่อง
- Funnel ช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และเพิ่มโอกาสสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว
สารบัญบทความ
- รูปแบบการตลาด Marketing Funnel คืออะไร
- ความสำคัญของ Marketing Funnel ต่อนักการตลาด
- เครื่องมือ Marketing Funnel 5 ขั้นตอน มีอะไรบ้าง
- ขั้นตอน TOFU – MOFU – BOFU คืออะไร?
- เทคนิคการทำ Marketing Funnel ให้เกิดผลสำเร็จ
- การทำ Marketing Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ตัวอย่างของกลยุทธ์ Marketing Funnel
- การใช้ Marketing Funnel เข้ามาช่วยการตลาด
รูปแบบการตลาด Marketing Funnel คืออะไร
Marketing Funnel หรือ “กรวยการตลาด” คือ กระบวนการวางแผนทางการตลาดที่ใช้อธิบายเส้นทางการเดินทางของผู้บริโภค ตั้งแต่เริ่มรู้จักแบรนด์ไปจนถึงกลายเป็นลูกค้า และในบางกรณีกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ในระยะยาว ด้วยโครงสร้างของ Marketing Funnel ที่มีลักษณะเหมือนกรวยโดยส่วนบนกว้างและแคบลงในแต่ละขั้นตอน แสดงให้เห็นถึงจำนวนของกลุ่มเป้าหมายในตอนแรกที่มีเป็นจำนวนมาก และขั้นตอนต่อไปจะคัดกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ จนในที่สุดธุรกิจจะได้กลุ่มลูกค้าที่แท้จริง
ซึ่งการทำความเข้าใจ Marketing Funnel ช่วยให้นักการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงของกระบวนการ และช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
รูปแบบพื้นฐานของ Marketing Funnel
สำหรับ Marketing Funnel ตามกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น โดยทั่วไปถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่
- Top of the Funnel (TOFU) การสร้างการรับรู้ (Awareness)
จุดเริ่มต้นที่แบรนด์ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและรับรู้ถึงการมีอยู่ของสินค้า บริการ หรือแบรนด์ของคุณ กลยุทธ์ที่มักใช้ในขั้นนี้คือ การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เช่น บทความ วิดีโอ หรือโฆษณาที่เน้นให้ความรู้และดึงดูดความสนใจ
- Middle of the Funnel (MOFU) การพิจารณา (Consideration)
ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กลุ่มเป้าหมายที่เริ่มสนใจในแบรนด์ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยใช้เครื่องมือ เช่น อีเมลแคมเปญ รีวิวสินค้า หรือเว็บสัมมนา เป็นต้น
- Bottom of the Funnel (BOFU) การตัดสินใจ (Decision)
ขั้นตอนสุดท้ายที่กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า หรือบริการ โดยเครื่องมือที่มักใช้ในขั้นตอนนี้ คือ โปรโมชั่นพิเศษ การทดลองใช้งานฟรี หรือส่วนลดที่กระตุ้นการซื้อ
Marketing Funnel กับ Consumer Journey แตกต่างกันอย่างไร?
แม้ว่า Marketing Funnel และ Customer Journey จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทั้งสองแนวคิดมีความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัด ดังนี้
- เป้าหมายหลัก
Marketing Funnel : เน้นที่กลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ในแต่ละขั้นตอนของกรวย เช่น การสร้างการรับรู้และกระตุ้นการซื้อ
Consumer Journey : มุ่งเน้นที่มุมมองและประสบการณ์ของผู้บริโภค เช่น ความรู้สึกและปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ตลอดเส้นทาง
- การมุ่งเน้นในแต่ละขั้นตอน
Marketing Funnel : เป็นแนวคิดที่ใช้วิเคราะห์กลยุทธ์และช่องทางการตลาดที่ใช้ในแต่ละช่วง
Consumer Journey : ให้ความสำคัญกับรายละเอียดในการเดินทางของผู้บริโภค เช่น การตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นเมื่อไร และต้องการอะไรในแต่ละขั้น
- กระบวนการวิเคราะห์
Marketing Funnel : วิเคราะห์จากมุมมองการตลาด และเน้นตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) เช่น Conversion Rate หรือ Click-Through Rate
Consumer Journey : มองภาพรวมที่ซับซ้อน เช่น แรงจูงใจ ความต้องการ หรืออุปสรรคที่ผู้บริโภคเผชิญ
ความสำคัญของ Marketing Funnel ต่อนักการตลาด
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า Marketing Funnel ไม่ใช่แค่การวาดภาพกรวยธรรมดา แต่คือโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักการตลาดแบ่งขั้นตอนการเดินทางของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน ซึ่งความสำคัญของ Marketing Funnel ในแต่ละขั้นตอนนั้นมีดังนี้
- ช่วยเข้าใจพฤติกรรมและเส้นทางของผู้บริโภค
Marketing Funnel ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละขั้นตอนได้ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่การค้นหาข้อมูลไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ คุณสามารถระบุได้ว่าอะไรคือสิ่งที่กระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ หรืออะไรคืออุปสรรคที่ทำให้พวกเขาลังเล
- สร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ในแต่ละขั้นตอน
การตลาดที่ดีไม่ใช่แค่การโปรโมตสินค้าไปเรื่อย ๆ แต่คือการส่งข้อความที่เหมาะสมในเวลาที่ใช่ โดย Marketing Funnel ช่วยให้คุณสามารถสร้างคอนเทนต์และกลยุทธ์ที่โดนใจผู้บริโภคในแต่ละช่วง เช่น การให้ความรู้ในช่วง TOFU หรือการเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะสมในช่วง BOFU เป็นต้น
- เพิ่ม Conversion และลดการสูญเสียลูกค้า
ด้วยความชัดเจนของขั้นตอนใน Funnel คุณสามารถระบุได้ว่ามีผู้บริโภคตกหล่นออกจากกระบวนการที่ส่วนใด การปรับปรุงในจุดนั้นจะช่วยลดการสูญเสียลูกค้าและเพิ่ม Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยในการวัดผลและปรับปรุงการตลาดได้ง่ายขึ้น
การใช้ Funnel ทำให้คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ในแต่ละขั้นตอนของการตลาดได้อย่างชัดเจน เช่น อัตราการคลิก อัตราการเปิดอีเมล หรือ Conversion Rate ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์ได้ต่อเนื่อง
- ส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
Marketing Funnel ไม่ได้หยุดแค่การขาย แต่มันยังสามารถต่อยอดไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว เช่น การรักษาลูกค้า (Retention) และการเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้สนับสนุน (Advocacy) ได้อีกด้วย
เครื่องมือ Marketing Funnel 5 ขั้นตอน มีอะไรบ้าง
Marketing Funnel เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจเส้นทางการเดินทางของผู้บริโภค ตั้งแต่การเริ่มต้นรู้จักแบรนด์ไปจนถึงกลายเป็นลูกค้าประจำ โดยแบ่ง Funnel ออกเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้
1. Awareness สร้างการรับรู้
ขั้นตอนนี้คือการสร้างการรับรู้ (Awareness) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น โดยการนำเสนอควรเน้นการดึงดูดความสนใจผ่านสื่อโฆษณาและคอนเทนต์ที่สะดุดตาให้มากที่สุด
2. Interest สร้างจุดเด่น
เมื่อกลุ่มเป้าหมายเริ่มรับรู้ถึงแบรนด์แล้ว ขั้นตอนนี้คือการทำให้พวกเขาสนใจโดยการนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น คุณค่าและจุดเด่นของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
3. Consideration ข้อเสนอแนะ
ในขั้นตอนนี้ คุณต้องช่วยให้กลุ่มเป้าหมายประเมินทางเลือกและตัดสินใจว่าทำไมสินค้าหรือบริการของคุณถึงดีกว่า โดยอาจใช้รีวิว ผลลัพธ์จริง หรือข้อเสนอเพิ่มเติม เข้ามาเสริมความเชื่อมั่น
4. Conversion สร้างความดึงดูด
ขั้นตอนนี้คือการแปลงกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าจริง ด้วยการทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อผ่านข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ เช่น โปรโมชั่นพิเศษหรือการรับประกันความพึงพอใจ ซึ่งอาจใช้คำกระตุ้น เพื่อให้เกิดการตัดสินใจด้วยความเร่งด่วน
5. Retention ข้อเสนอพิเศษ
การทำการตลาดไม่ได้จบเพียงแค่การขาย แต่การรักษาลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำเป็นเป้าหมายที่สำคัญต่อธุรกิจในระยะยาว ซึ่งอาจใช้รูปแบบการสื่อสาร หรือส่งข้อเสนอพิเศษเฉพาะลูกค้าเก่า
ขั้นตอน TOFU – MOFU – BOFU คืออะไร?
ในยุคของ Digital Marketing ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเข้าใจเส้นทางการตลาดผ่าน Digital Marketing Funnel กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดย Marketing Funnel สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
Top of Funnel (ToFU) ขั้นตอนแรก
ToFU หรือ Top of Funnel คือขั้นตอนแรกในเส้นทางการตลาด จุดมุ่งหมายหลักของขั้นตอนนี้คือ การสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และขยายการเข้าถึงแบรนด์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคใหม่ โดยเลือกใช้การโฆษณาบน Social Media เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือสร้างคอนเทนต์ให้ความรู้ เช่น บทความ บล็อกโพสต์ อินโฟกราฟิก และวิดีโอ รวมถึงใช้ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในเครื่องมือค้นหา
Middle of Funnel (MoFU) ขั้นตอนสนับสนุน
MoFU หรือ Middle of Funnel เป็นขั้นตอนต่อมาที่เน้นการสร้างความสนใจและพิจารณาเลือกซื้อ (Interest & Consideration) กลุ่มเป้าหมายในขั้นตอนนี้คือคนที่รู้จักแบรนด์แล้ว และเริ่มแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการ ซึ่งขั้นตอนนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าเพื่อสนับสนุนการพิจารณา ด้วยวิธีการทำ Marketing Funnel ตัวอย่าง เช่น การแจก E-Book หรือ Case Study เพื่อให้ข้อมูลที่ลึกซึ้ง การใช้ Email Marketing ติดตามและเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การสร้างรีวิวสินค้าและเนื้อหาเปรียบเทียบเพื่อแสดงข้อดีของแบรนด์
Bottom of Funnel (BoFU) ขั้นตอนสุดท้าย
BoFU หรือ Bottom of Funnel คือขั้นตอนสุดท้ายใน Funnel ซึ่งเป้าหมายหลักคือการผลักดันให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ รวมถึงมีเป้าหมายที่เปลี่ยนความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นการตัดสินใจซื้อ สำหรับวิธีการทำ Marketing Funnel ตัวอย่าง ใน BoFU มีหลายรูปแบบ เช่น การเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด การรับประกัน หรือการทดลองใช้งานฟรี การสร้าง Testimonials จากลูกค้าที่พอใจ หรือการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ เช่น FAQs หรือผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เป็นต้น
เทคนิคการทำ Marketing Funnel ให้เกิดผลสำเร็จ
ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว Marketing Funnel หรือ “กรวยการตลาด” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถดึงดูดลูกค้า ตั้งแต่การเริ่มรู้จักแบรนด์จนถึงการตัดสินใจซื้อ และในบางกรณีคือการเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้สนับสนุนระยะยาว สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การวางแผน Marketing Funnel สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลย
1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง
การสร้าง Marketing Funnel ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการเข้าใจว่า “ใครคือกลุ่มเป้าหมาย” ศึกษาพฤติกรรม ความสนใจ และปัญหาของผู้บริโภค โดยใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics หรือ Social Media Insights เพื่อรวบรวมข้อมูล จากนั้นสร้าง Customer Persona ที่ระบุถึงเพศ อายุ อาชีพ ความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้า เมื่อคุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ก็จะสามารถออกแบบ Funnel ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างตรงจุด
2. สร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์แต่ละขั้นของ Funnel
คอนเทนต์คือหัวใจสำคัญของ Marketing Funnel เทคนิคการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจในแต่ละขั้นตอนนั้น อาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น
- Top of Funnel (TOFU) : สร้างการรับรู้ด้วยการทำคอนเทนต์ที่ให้ความรู้และน่าสนใจ เช่น บล็อกโพสต์ อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอ
- Middle of Funnel (MOFU) : สร้างความสนใจและพิจารณา มุ่งเน้นคอนเทนต์ที่เจาะลึกขึ้น เช่น การแจก E-book, Webinar หรือ Case Study
- Bottom of Funnel (BOFU) : กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ใช้คอนเทนต์ที่กระตุ้นความต้องการซื้อ เช่น โปรโมชั่นพิเศษ Landing Page ที่ชัดเจน
3. ใช้ Data Analytics เพื่อวัดผลและปรับปรุง Funnel
เมื่อ Marketing Funnel เริ่มทำงาน การวัดผลถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ นักการตลาดควรใช้ ตัวชี้วัดสำคัญ (KPIs) เช่น Conversion Rate, Click-Through Rate (CTR) และ Engagement Rate เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ที่ใช้สามารถดึงดูดและเปลี่ยนลูกค้าได้ดีเพียงใด นอกจากนี้ การใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ อย่าง Google Analytics และ Meta Ads Manager จะช่วยให้เข้าใจว่าผู้ใช้กำลังอยู่ในขั้นตอนไหนของ Funnel และค้นหาจุดที่ทำให้พวกเขาหยุดการเดินทาง เพื่อปรับกลยุทธ์และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้าจริง
4. สร้างระบบ Automation ช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ
การใช้เครื่องมือ Automation เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการ Marketing Funnel ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Email Automation ที่ช่วยส่งอีเมลติดตาม แจ้งเตือนโปรโมชั่น หรือกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมามีส่วนร่วมโดยอัตโนมัติ รวมถึง Chatbot ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยตอบคำถามแบบเรียลไทม์ และนำทางลูกค้าไปสู่ขั้นตอนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ และระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้าและติดตามพฤติกรรมใน Funnel ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ทดลองและพัฒนา Funnel อย่างต่อเนื่อง
การตลาดไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ดังนั้นคุณต้องทดลองและปรับ Funnel ตามข้อมูลและสถานการณ์จริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจใช้การทดสอบ (A/B Testing) เช่น การเปรียบเทียบหน้า Landing Page ที่มี CTA แตกต่างกัน เก็บ Feedback จากลูกค้า ฟังความคิดเห็นโดยตรงว่าพวกเขาต้องการอะไร หรือประสบปัญหาที่จุดใด และ อัปเดต Funnel ให้สอดคล้องกับเทรนด์หรือพฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ
การทำ Marketing Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
Marketing Funnel หรือ "กรวยการตลาด" เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดี แต่ในโลกของการตลาดที่เต็มไปด้วยข้อมูลและการแข่งขันที่สูง การทำ Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดนั้นต้องมีมากกว่าแค่การวางโครงสร้างที่สวยงาม ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
การทำ Retargeting เก็บข้อมูล
หลักการของ Retargeting คือการใช้ Cookies หรือ Pixels ในการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานที่เคยเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ เมื่อผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์โดยยังไม่ตัดสินใจซื้อ ระบบ Retargeting จะส่งโฆษณาไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ผู้ใช้นั้นใช้งาน เช่น Facebook, Instagram, YouTube หรือ Google Ads
การใช้งานเทคโนโลยี Chatbot เข้าช่วย
Chatbot หรือโปรแกรมโต้ตอบอัตโนมัติ ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสะดวก และประสิทธิภาพในการสื่อสารสำหรับธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะใช้ในงานบริการลูกค้า การขายสินค้า หรือการสนับสนุนด้านข้อมูล ทำหน้าที่โต้ตอบกับผู้ใช้งานผ่านข้อความหรือเสียง โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์
ตัวอย่างของกลยุทธ์ Marketing Funnel
Marketing Funnel หรือ "กรวยการตลาด" เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้า รักษาความสนใจ และผลักดันให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เพียงเท่านั้น Funnel ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว โดยปรับแผนให้เหมาะสมกับเส้นทางการตัดสินใจของลูกค้าได้อีกด้วย สำหรับ Marketing Funnel ตัวอย่าง ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Marketing Funnel มีดังนี้
1. ธุรกิจ E-Commerce : Shopify
Shopify เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ ซึ่งประสบความสำเร็จจากการใช้ Marketing Funnel ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ขั้นตอน ดังนี้
Top of Funnel (TOFU) : สร้างการรับรู้ใช้โฆษณาออนไลน์ที่เน้นการแก้ปัญหา เช่น “เริ่มธุรกิจของคุณเองง่าย ๆ ใน 5 นาที” พร้อมบทความและวิดีโอสอนการขายออนไลน์
Middle of Funnel (MOFU) : กระตุ้นความสนใจ นำเสนอ Case Study และทดลองใช้งานฟรี 14 วัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจ
Bottom of Funnel (BOFU) : การตัดสินใจซื้อ โดยใช้อีเมลติดตาม ส่งข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ทดลองใช้งานเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าประจำ
2. ธุรกิจการท่องเที่ยว : Airbnb
Airbnb เป็นแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ ใช้ Marketing Funnel เพื่อเชื่อมโยงผู้เดินทางกับเจ้าของที่พัก
Top of Funnel (TOFU) : สร้างการรับรู้ โดยการใช้โฆษณาที่เน้นความหลากหลายของที่พัก เช่น “บ้านที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนในทุกโอกาส” พร้อมบล็อกโพสต์เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว
Middle of Funnel (MOFU) : กระตุ้นความสนใจ ด้วยการส่งอีเมล เช่น “สำรวจบ้านพักในกรุงเทพฯ สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ของคุณ” พร้อมระบบแสดงผลค้นหาที่พักที่ตรงใจ
Bottom of Funnel (BOFU) : การตัดสินใจจองที่พัก เพิ่มความมั่นใจผ่านรีวิวจากผู้พักจริง พร้อมใช้โปรโมชั่นสำหรับการจองครั้งแรก เช่น “ลด 20% เมื่อจองที่พักครั้งแรกกับ Airbnb”
3. ธุรกิจ SaaS : Netflix
Netflix ใช้ Marketing Funnel เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่และรักษาสมาชิกเดิม ด้วยการใช้ขั้นตอนต่าง ๆ เช่น
Top of Funnel (TOFU) : สร้างการรับรู้ ผ่านโฆษณาที่ชูจุดเด่น เช่น “ดูหนังและซีรีส์ที่คุณชื่นชอบได้ทุกที่ทุกเวลา” พร้อมตัวอย่างรายการและซีรีส์ยอดนิยม
Middle of Funnel (MOFU) : กระตุ้นความสนใจ ด้วยการเสนอทดลองใช้ฟรี 30 วัน เพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสสัมผัสกับคุณค่าของบริการที่ตรงใจ
Bottom of Funnel (BOFU) : การสมัครใช้งานแบบเต็มรูปแบบ ด้วยการส่งอีเมลและโฆษณา เพื่อกระตุ้นให้สมัครสมาชิก โดยเสนอส่วนลดพิเศษหรือแพ็กเกจที่ตอบโจทย์การใช้งาน
การใช้ Marketing Funnel เข้ามาช่วยการตลาด
Marketing Funnel คือ กระบวนการวางแผนทางการตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ (Awareness) การกระตุ้นความสนใจ (Interest) การพิจารณา (Consideration) การตัดสินใจซื้อ (Conversion) ไปจนถึงการรักษาลูกค้าในระยะยาว (Retention) การนำ Marketing Funnel มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายเท่านั้น แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าอีกด้วย
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะทางการตลาดและเข้าใจการทำ Marketing Funnel แบบเจาะลึก eddu มีหลักสูตรการตลาดที่ครอบคลุมทุกด้าน เหมาะสำหรับมือใหม่และนักการตลาดที่ต้องการพัฒนาความเชี่ยวชาญในสายงานของตนเอง ลงทะเบียนเรียนและอัปเกรดทักษะของคุณกับ eddu วันนี้เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับธุรกิจกันตอนนี้เลย
Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.
หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสม
กับผู้เรียน ทั้งบุคคลและองค์กร