thumbnail
February 28, 2025

4P กลยุทธ์พื้นฐาน ที่เจ้าของธุรกิจควรรู้

ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันอย่างดุเดือด การตลาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโฆษณาสินค้าให้คนรู้จักเท่านั้น แต่เป็นการทำความเข้าใจเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างจุด ซึ่งหนึ่งในหลักการที่ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของการตลาด ก็คือ "4P" หรือ Marketing Mix 4P ที่แม้จะเป็นทฤษฎีที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้ว 4P มีอะไรบ้าง ทำไมถึงสำคัญต่อการสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขาย? ในบทความนี้ เรามีคำตอบมาให้แล้ว ตามมาเก็บรายละเอียดกันได้เลย


Key Takeaways

  • 4P คือหลักการตลาดพื้นฐานที่ช่วยธุรกิจวางกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า
  • Product (สินค้า) : เน้นการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด
  • Price (ราคา) : ตั้งราคาที่เหมาะสม แข่งขันได้ และสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า
  • Place (สถานที่จัดจำหน่าย) : เลือกช่องทางจัดจำหน่ายที่สะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย 
  • Promotion (การส่งเสริมการขาย) : ใช้เครื่องมือการตลาดเพื่อกระตุ้นความสนใจและเพิ่มยอดขาย 
  • การนำกลยุทธ์การตลาด 4P มาปรับใช้ช่วยให้ธุรกิจสร้างความได้เปรียบ เพิ่มยอดขาย และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค

สารบัญบทความ


การตลาด 4P (Marketing Mix) คืออะไร?

4P คือ

4P คือ โมเดลพื้นฐานที่ใช้ในการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับสินค้าและบริการ ซึ่งหลักการตลาด 4P นั้น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ Product (สินค้า) Price (ราคา) Place (สถานที่จัดจำหน่าย) และ Promotion (การส่งเสริมการขาย)


4P มีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร

กลยุทธ์การตลาดแบบ 4P ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับทางด้านประโยชน์ของ 4P of Marketing ที่มีความสำคัญ มีดังนี้

  • ช่วยพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด

การวางแผนด้านสินค้า (Product) ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

  • เพิ่มโอกาสในการกำหนดราคาที่เหมาะสม

กลยุทธ์ด้านราคา (Price) ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าของสินค้า หรือการสร้างแรงจูงใจในการซื้อด้วยโปรโมชั่น

  • เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น

การวางแผนด้านสถานที่จัดจำหน่าย (Place) ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกช่องทางที่เหมาะสม เช่น ร้านค้าออนไลน์หรือหน้าร้านจริง เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวกที่สุด

  • สร้างการรับรู้และความสนใจในสินค้า

การใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย (Promotion) เช่น การโฆษณา, การจัดกิจกรรม, การใช้สื่อออนไลน์ รวมไปถึงการทำ Digital Marketing ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์และสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้า

  • เพิ่มความพึงพอใจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

เมื่อสินค้า ราคา การจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการขายทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดี ส่งผลให้เกิดความไว้วางใจและความภักดีต่อแบรนด์

  • ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ด้วยการวิเคราะห์ 4P ธุรกิจสามารถประเมินจุดอ่อนและจุดแข็ง พร้อมทั้งปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ในยุคดิจิทัล


กลยุทธ์การตลาด 4P มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

4P มีอะไรบ้าง

Marketing Mix 4P เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบหลักของกลยุทธ์ 4P นี้ประกอบไปด้วย Product (สินค้า), Price (ราคา), Place (สถานที่จัดจำหน่าย) และ Promotion (การส่งเสริมการขาย) ซึ่งเมื่อ ส่วนผสมทางการตลาด 4P ทำงานร่วมกัน จะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างครบถ้วน พร้อมเพิ่มโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

1. Product (สินค้า)

สินค้า เป็นหัวใจสำคัญของการตลาด เพราะมันคือสิ่งที่ธุรกิจนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจริงหรือบริการ การพัฒนาสินค้าต้องคำนึงถึงคุณภาพ ความน่าสนใจ และความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า

2. Price (ราคา)

ราคา เป็นตัวกำหนดมูลค่าที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อแลกกับสินค้าและบริการ การตั้งราคาต้องสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ

3. Place (สถานที่จัดจำหน่าย)

สถานที่จัดจำหน่าย เป็นช่องทางที่ธุรกิจใช้เพื่อนำสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค การเลือกช่องทางที่เหมาะสมช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น 

4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)

การส่งเสริมการขาย คือกระบวนการสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจในสินค้าและบริการของธุรกิจ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย หรือป้ายโฆษณา รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์


การตลาด 4P นำไปปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างไร

การตลาด 4P ไม่เพียงเป็นแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่ยังสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้จริงในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ ก็สามารถนำ Marketing Mix 4P มาประยุกต์ใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1. Product (สินค้า)

หากคุณเปิดร้านเบเกอรี่ การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ซึ่งคุณอาจจะดำเนินการสำรวจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่และเพิ่มตัวเลือกสินค้าให้หลากหลาย เช่น ขนมปราศจากกลูเตน หรือขนมที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิก เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ

เคล็ดลับ : ธุรกิจควรใช้ฟีดแบคจากลูกค้าเพื่อปรับปรุงสินค้าให้ตรงกับความต้องการ เช่น การเพิ่มรสชาติใหม่ๆ หรือนำเสนอสินค้ารุ่นลิมิเต็ด

2. Price (ราคา)

สำหรับธุรกิจขายเสื้อผ้า การตั้งราคาที่เหมาะสม ถือเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขัน ซึ่งคุณอาจใช้หลักการตลาด 4P ปรับใช้ในด้านการตั้งราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย หรืออาจจะนำเสนอส่วนลดพิเศษในช่วงเทศกาล เช่น ซื้อ 2 ชิ้นลด 20% เป็นต้น

เคล็ดลับ : ธุรกิจควรทำการสำรวจตลาดเพื่อวิเคราะห์ราคาของคู่แข่ง และหาจุดสมดุลระหว่างความคุ้มค่าของสินค้าและกำไรที่ธุรกิจต้องการ

3. Place (สถานที่จัดจำหน่าย)

หากเป็นธุรกิจร้านอาหาร การเลือกช่องทางจัดจำหน่ายที่เหมาะสม จะช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจใช้ใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรี เช่น GrabFood หรือ LINE MAN เข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้า หรือเพื่อให้ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถสั่งอาหารได้อย่างสะดวกมากขึ้น

เคล็ดลับ : ธุรกิจควรเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย เช่น การเปิดขายผ่านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวก

4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)

ในส่วนของแบรนด์เครื่องสำอาง การสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจจะเลือกใช้วิธีการจัดโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1” ในช่วงเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมทำการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น การใช้ Influencer รีวิวสินค้าเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น

เคล็ดลับ : การจัดกิจกรรมหรือแคมเปญที่สร้างความมีส่วนร่วม เช่น การแจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ หรือการสร้างกิจกรรมชิงรางวัล จะช่วยเพิ่มการรับรู้และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า


ความแตกต่างระหว่าง 4P 4C และ 4E 

ในโลกของการตลาด กลยุทธ์และแนวคิดต่าง ๆ ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โมเดลที่ได้รับความนิยมอย่าง 4P, 4C และ 4E คือหลักการสำคัญที่สะท้อนแนวทางการตลาดในแต่ละยุค แม้แต่ละโมเดลจะมีจุดเด่นและเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดล้วนมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด เรามาดูกันว่าแต่ละโมเดลมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1. 4P : มุ่งเน้นที่สินค้าและธุรกิจ

4P การตลาด เป็นแนวคิดพื้นฐานของหลักการตลาดที่มุ่งเน้นการจัดการที่มุมมองของธุรกิจหรือแบรนด์ ว่า "ธุรกิจจะสร้างอะไร และจะขายอย่างไร โดยนำองค์ประกอบหลักของ 4P มาสร้างสินค้าและบริการให้เหมาะสมกับธุรกิจ ดังนี้

  • Product (สินค้า) : การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า
  • Price (ราคา) : การกำหนดราคาที่เหมาะสม
  • Place (สถานที่จัดจำหน่าย) : การเลือกช่องทางจัดจำหน่าย
  • Promotion (การส่งเสริมการขาย) : การกระตุ้นความสนใจของลูกค้า

2. 4C : มุ่งเน้นที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

4C เป็นการปรับมุมมองของการตลาด 4P มาเน้นที่ "ลูกค้า" มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกและให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ถือเป็นศูนย์กลาง ว่า "ลูกค้าต้องการอะไร และธุรกิจจะตอบสนองอย่างไร ด้วยการแทนที่องค์ประกอบต่าง ๆ ของ 4P การตลาด ดังนี้

  • Customer (ลูกค้า) : แทนที่ “Product” ด้วยการเข้าใจความต้องการและปัญหาของลูกค้า
  • Cost (ต้นทุนของลูกค้า) : แทนที่ “Price” โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ลูกค้าต้องแบกรับ
  • Convenience (ความสะดวกสบาย) : แทนที่ “Place” โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ง่ายสำหรับลูกค้า
  • Communication (การสื่อสาร) : แทนที่ “Promotion” โดยเน้นการสร้างบทสนทนาและความสัมพันธ์

3. 4E : มุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์

4E เป็นการพัฒนาต่อจากโมเดล 4C เพื่อปรับตัวกับยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ในยุคดิจิทัล ว่า "ลูกค้าควรรู้สึกและมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างไร" ซึ่งมีการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ดังนี้

  • Experience (ประสบการณ์) : แทนที่ “Product” มุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้า
  • Exchange (การแลกเปลี่ยนคุณค่า) : แทนที่ “Price” มองว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์อะไรจากสินค้า
  • Everyplace (ทุกที่ทุกเวลา) : แทนที่ “Place” เน้นช่องทางที่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา
  • Evangelism (การสร้างความผูกพันและการบอกต่อ) : แทนที่ “Promotion” มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นจนลูกค้าแนะนำต่อ

4P การตลาดพื้นฐานสำคัญที่ต้องรู้

หลักการตลาด 4P ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละองค์ประกอบล้วนมีบทบาทเฉพาะในการสร้างสมดุลให้กับธุรกิจ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน และเมื่อธุรกิจนำกลยุทธ์ 4P ไปปรับใช้อย่างเหมาะสม จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งในระดับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

หากในตอนนี้คุณต้องการพัฒนาทักษะด้านการตลาดและต้องการเรียนรู้ว่า 4P คืออะไร มีวิธีการประยุกต์ใช้การตลาด 4P กับธุรกิจอย่างไรบ้าง ทาง Eddu ขอแนะนำ หลักสูตรการตลาดแบบครบวงจร ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการ นักการตลาด และผู้ที่ต้องการยกระดับความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่มีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

อัปสกิลไปพร้อมกับ eddu
ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาในการเรียน
ตลอดจนแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสม
กับผู้เรียน ทั้งบุคคลและองค์กร