thumbnail
May 23, 2025

PESTEL Analysis เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อการวางแผนธุรกิจ

การทำธุรกิจในปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมองแค่ปัจจัยภายในอาจไม่เพียงพออีกต่อไป PESTEL Analysis จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อองค์กรอย่างรอบด้าน

ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือเทคโนโลยี ล้วนมีผลต่อการวางกลยุทธ์และการเติบโต

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการวิเคราะห์ PESTEL อย่างลึกซึ้ง พร้อมวิธีประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ


Key Takeaways

  • PESTEL Analysis คือเครื่องมือวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อธุรกิจ ช่วยให้ผู้บริหารวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างรอบคอบ
  • PESTEL Analysis ประกอบด้วย 6 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อม และกฎหมาย 
  • PESTEL Analysis เหมาะสำหรับใช้วางแผนธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และควรต้องใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
  • PESTEL Analysis ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจพบโอกาสใหม่และประเมินความเสี่ยงได้ชัดเจนขึ้น ลดความผิดพลาดในการตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผนการตลาด

สารบัญบทความ


PESTEL Analysis คืออะไร?

PESTEL Analysis คือเครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อประเมินปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือองค์กร โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ การวิเคราะห์ในรูปแบบนี้จะช่วยให้ผู้บริหารและนักวางแผนเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัว ทั้งในระดับมหภาคและระดับอุตสาหกรรมเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจ และเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างเป็นระบบรอบคอบ


PESTEL Analysis มีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?

การทำ PESTEL Analysis มีความสำคัญต่อการเริ่มต้นธุรกิจอย่างมาก เพราะช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายรัฐ แนวโน้มเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ฉะนั้น การวิเคราะห์ PESTEL จึงจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์ ปรับตัวล่วงหน้า และตัดสินใจได้อย่างตรงจุดมากขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในตลาด


PESTEL Analysis มีปัจจัยใดบ้าง?

PESTEL Analysis มีอะไรบ้าง

หากคุณกำลังเริ่มต้นเขียนแผนธุรกิจหรือกำลังวิเคราะห์ภาพรวมตลาด สิ่งแรกที่ควรทำความรู้จักคือ PESTEL Analysis มีอะไรบ้าง โดย PESTEL Analysis มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การที่ธุรกิจต้องเปลี่ยนนโยบายตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่ หรือการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เตรียมตัวได้ตรงจุดมากขึ้น ต่อไปนี้คือความหมายของการวิเคราะห์ PESTEL ตามปัจจัยต่าง ๆ

1. P: Politic ปัจจัยด้านการเมือง

ปัจจัยด้านการเมืองเกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล ความมั่นคงทางการเมือง และกฎหมายที่อาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น ภาษีนำเข้า การควบคุมสินค้า หรือมาตรการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น

ตัวอย่าง : บริษัทนำเข้าสินค้าอาจต้องปรับราคาหากรัฐบาลมีนโยบายขึ้นภาษีนำเข้า

2. E: Economics ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ

ปัจจัยด้านเศรษฐกิจส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เช่น อัตราเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย หรืออัตราการว่างงาน เป็นต้น

ตัวอย่าง : ช่วงเศรษฐกิจถดถอย อาจทำให้ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง ธุรกิจจึงต้องปรับตัวด้วยโปรโมชันหรือสินค้าราคาประหยัด

3. S: Social ปัจจัยด้านสังคม

ปัจจัยนี้เกี่ยวข้องกับค่านิยม ความเชื่อ พฤติกรรมผู้บริโภค และแนวโน้มทางประชากร เช่น อายุ, รายได้, การศึกษา ฯลฯ

ตัวอย่าง : ธุรกิจอาหารสุขภาพเติบโตได้ดี เพราะคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

4. T: Technology ปัจจัยด้านเทคโนโลยี

ปัจจัยด้านเทคโนโลยีรวมถึงการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรม การใช้เครื่องมือใหม่ ๆ หรือระบบอัตโนมัติที่ส่งผลต่อการผลิต การสื่อสาร และการให้บริการ

ตัวอย่าง : การใช้ AI หรือระบบ Chatbot ช่วยให้บริการลูกค้าเร็วขึ้นและลดต้นทุน

5. E: Environmental ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม, ภูมิอากาศ, ทรัพยากรธรรมชาติ, แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ฯลฯ

ตัวอย่าง : โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องปรับใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามนโยบายรัฐ

ปัจจัยด้านกฎหมาย คือ กฎข้อบังคับหรือกฎหมายแรงงาน ทรัพย์สินทางปัญญา และมาตรฐานที่ธุรกิจต้องปฏิบัติตาม

ตัวอย่าง : แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้า


ขั้นตอนในการประยุกต์ใช้ PESTEL Analysis เพื่อธุรกิจ

การนำ PESTEL Analysis มาประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยขั้นตอนการนำ PESTEL Analysis ไปใช้ในธุรกิจมีดังนี้

  1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์

เริ่มจากตั้งเป้าหมายให้ชัด เช่น วิเคราะห์ก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเพื่อศึกษาความเสี่ยงในการขยายตลาด เป็นต้น

  1. รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ

เริ่มจากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทั้ง 6 ด้านของ PESTEL จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจจากธนาคารกลาง, นโยบายภาครัฐ, ข่าวสารเทคโนโลยี, เทรนด์สังคม หรือข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  1. วิเคราะห์และสำรวจผลกระทบต่อธุรกิจ

ทีมงานควรนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละปัจจัยส่งผลต่อองค์กรอย่างไร ทั้งในเชิงบวกและลบ รวมถึงระดับความรุนแรงของผลกระทบและความเป็นไปได้

  1. การตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์

ใช้ข้อสรุปจากการวิเคราะห์เป็นฐานข้อมูลในการวางแผนกลยุทธ์ กำหนดเป้าหมายธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทภายนอก เพื่อให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี

  1. ประเมินความเสี่ยงและโอกาส

ประเมินว่าแต่ละปัจจัยมีโอกาสหรือความเสี่ยงใดบ้าง เช่น เทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจเป็นโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่อาจสร้างต้นทุนเพิ่มด้วยกฎหมายและข้อกำหนดในการนำเทคโนโลยีมาใช้ จากนั้นจึงค่อยกำหนดแนวทางรองรับให้เหมาะสม

  1. ปรับปรุงแผนและกลยุทธ์ตามสถานการณ์

การทำ PESTEL Analysis ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ แต่ควรติดตามความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ เพื่อปรับแผนให้ทันสถานการณ์และลดความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด


เทคนิคการทำ PESTEL Analysis ให้ถูกต้องแม่นยำ ใช้กับธุรกิจได้จริง

เทคนิคการทำ PESTEL Analysis

เทคนิคบางอย่างสามารถช่วยให้การใช้ PESTEL Analysis แม่นยำขึ้น และตอบโจทย์เชิงกลยุทธ์ได้มากกว่าเดิม โดยการใช้ PESTEL Analysis ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีตัวอย่างเช่น

ใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ 

แม้ PESTEL Analysis จะให้ข้อมูลภายนอกที่สำคัญ แต่เมื่อนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น SWOT Analysis หรือ Five Forces Model จะช่วยให้คุณมองเห็นทั้งปัจจัยภายในและภายนอก พร้อมระบุจุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส และความเสี่ยงได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Business Model Canvas เพื่อวางกลยุทธ์ให้ชัดเจนขึ้นจากผลวิเคราะห์ที่ได้ร่วมด้วย

คอยอัปเดต ทบทวนผลลัพธ์ที่ได้ 

การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมภายนอกควรเป็นกระบวนการที่ทำอย่างต่อเนื่อง เพราะโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทบทวนผลวิเคราะห์เดิมควบคู่กับข้อมูลใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณปรับตัวได้รวดเร็ว และยังสามารถใช้ข้อมูลที่อัปเดตแล้วเพื่อนำมาใช้วางแผนเชิงรุกได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

เข้าใจข้อจำกัดต่าง ๆ 

แม้ PESTEL Analysis จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการวิเคราะห์ภาพรวมภายนอก แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถบอกวิธีแก้ปัญหาได้โดยตรง ดังนั้นจึงควรรู้ว่า PESTEL ช่วยชี้ “แนวโน้ม” และ “ความเป็นไปได้” แต่สำหรับการทำงานจริงแล้วยังคงต้องใช้วิจารณญาณและเครื่องมืออื่นร่วมด้วยในการตัดสินใจที่แม่นยำ


PESTEL Analysis ต้องใช้ตอนไหน?

ควรใช้ PESTEL Analysis ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ เช่น การออกกฎหมายควบคุมสิ่งแวดล้อมใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตหรือการใช้บรรจุภัณฑ์ หรือในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อสูง ธุรกิจควรใช้ PESTEL Analysis เพื่อปรับกลยุทธ์การตั้งราคาหรือการสื่อสารกับผู้บริโภคให้เหมาะสมกับสถานการณ์


PESTEL Analysis มีข้อดี-ข้อจำกัดอย่างไร?

ข้อดีของการใช้ PESTEL Analysis

  • มองภาพรวมของสภาพแวดล้อมภายนอกได้ชัดเจน
  • ช่วยระบุแนวโน้ม โอกาส และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ช่วยให้วางกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่น
  • ใช้งานง่าย เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม

ข้อจำกัดของการใช้ PESTEL Analysis

  • หากข้อมูลไม่มีการอัปเดต อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้
  • ไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยภายในองค์กรได้ ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น SWOT หรือ Business Model Canvas
  • ไม่แนะนำให้ใช้ PESTEL Analysis ในการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจเพียงอย่างเดียวเพราะอาจไม่ให้แนวทางการจัดการกับปัจจัยที่พบได้อย่างครอบคลุม
  • การใช้ PESTEL Analysis วิเคราะห์แนวโน้มเชิงภาพรวม อาจไม่ตอบโจทย์เมื่อต้องการข้อมูลเชิงลึกเฉพาะจุด

PESTEL Analysis ช่วยวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก เสริมธุรกิจให้แข็งแกร่ง

PESTEL Analysis เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของปัจจัยภายนอกอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับกลยุทธ์ รับมือกับความเสี่ยง หรือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด การใช้งานอย่างถูกต้องและต่อเนื่องจะช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

หากคุณต้องการเรียนรู้การวิเคราะห์ธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม ขอแนะนำหลักสูตร Shortcut Data

สรุปเทคนิคการใช้ข้อมูลสร้างแผนธุรกิจ จาก eddu ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจและวางแผนธุรกิจได้อย่างเป็นมืออาชีพ

Copyright ©2024Eddu Group International Co.,Ltd.

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

อัปสกิลไปพร้อมกับ eddu
ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาในการเรียน
ตลอดจนแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสม
กับผู้เรียน ทั้งบุคคลและองค์กร